ช่องทางการขายออนไลน์ยอดฮิต ฟรี!! สำหรับพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่

ช่องทางการขายออนไลน์ยอดฮิต ฟรี!! สำหรับพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่

19/10/2021


ช่องทางขายออนไลน์ยอดฮิต ฟรี สำหรับพ่อค้าแม่ค้า


ถ้าให้พูดถึงอาชีพที่มาแรงที่สุดในตอนนี้ ก็คงหนีไม่พ้นการขายของออนไลน์อย่างแน่นอน เพราะอาชีพนี้สามารถทำได้ง่าย และก็สร้างรายได้จริง ไม่ต้องลงทุนเปิดหน้าร้าน ซึ่งสำหรับใครที่กำลังอยากเริ่มทำอาชีพนี้ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเปิดร้านค้าออนไลน์ฟรีๆได้ที่ไหนดีล่ะก็? วันนี้เราจะมาบอกช่องทางขายออนไลน์ สำหรับพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่มือใหม่ที่ไม่อยากลงทุนมากแต่ได้ผลลัพธ์ที่ทรงประสิทธิภาพ จะมีช่องทางไหนบ้าง ไปดูกันเลย…



ช่องทางแรก คือ market place หรือแพลตฟอร์ม E-Commerce ซึ่งหลายคนอยากมีเว็บไซต์ขายของที่มีตะกร้าสินค้าเป็นของตนเอง แต่ไม่มีเงินทุนมากพอที่จะจ้างทำเว็บไซต์ เนื่องจากเพิ่งเปิดร้านใหม่ ดังนั้น ช่องทาง e-commerce จึงเป็นช่องทางที่อยู่ในตัวเลือกแรก ๆ ของพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ ทั้ง Shopee และ Lazada เพราะเป็นช่องทางที่มีการจัดกิจกรรมให้ผู้ขายอย่างต่อเนื่อง และมีผู้เข้าใช้บริการจำนวนมากต่อวัน 

โดยสามารถสมัครเปิดหน้าร้านได้ฟรี ๆ เพียงแค่ทำตามขั้นตอนรายละเอียดของหน้าเว็บ market place นั้น ๆ ซึ่งใช้เอกสารในการสมัครเพียงไม่กี่อย่าง เช่น  ข้อมูลที่อยู่ ข้อมูลบัตรประชาชน และบัญชีธนาคาร แค่นี้ก็สามารถเปิดร้านได้ง่าย ๆ 

 ข้อดี สำหรับการนำสินค้าไปฝากขายกับ Marketplace ทุกอย่างจะดูง่ายไปหมด ไม่ต้องสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาเอง หากเลือกเอาสินค้ามาฝากขายหรือเปิดร้านใน Marketplace อย่าง Shopee หรือ Lazada จะไม่มีปัญหาเรื่องระบบเว็บไซต์เลย เพราะมีแพลตฟอร์มรูปแบบให้เลือกใช้ และสำหรับช่องทาง E-Commerce นี้สามารถตัดต้นทุนเรื่องการทำโฆษณาหรือการโปรโมทสินค้าออกไปได้เลย เหมาะกับพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ในการทำการตลาดออนไลน์

 ข้อเสีย สินค้าที่จะนำมาลงขายใน LazadaหรือShopee ต้องมีความน่าสนใจและเป็นที่ต้องการของตลาด ที่สำคัญราคาต้องไม่แพงไปกว่าหรือถูกกว่าเมื่อเทียบกับ Seller อื่นที่ขายสินค้าเดียวกัน และอีก 1 ข้อเสียคือค่าคอมมิสชั่น ที่ต้องเสียให้กับ Marketplace ซึ่งจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของการขาย เช่น หัก3%จากยอดขายในออเดอร์นั้น ๆ ส่วนเปอร์เซ็นต์ที่จะหักขึ้นอยู่กับแต่ละหมวดหมู่ของสินค้า อาจมีการอัพเดทตามแคมเปญการตลาดที่marketplaceแต่ละเจ้าวางเอาไว้ ซึ่งสามารถลงขายได้ทั้งสอง market place เลย ไม่มีข้อจำกัดอะไรในการนำสินค้ามาวางขาย ยิ่งเพิ่มช่องทางร้านได้มากเท่าไร ยอดขายก็จะเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น



ช่องทางที่ 2 คือ ช่องทางการขายผ่านโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น Facebook Instagram Twitter YouTube และอีกหลายๆ แพลตฟอร์ม ซึ่งยุคนี้หากใครไม่ทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียถือว่าพลาดอย่างมาก ปัจจุบันหลากหลายร้านค้าเลือกทำการตลาดผ่านสื่อโซเชียลมีเดียเหล่านี้ โดยเฉพาะช่องทาง Facebook 



อย่างที่ทราบกันดีคนไทยส่วนใหญ่ใช้เวลากับแพลตฟอร์มนี้เยอะมาก จึงไม่แปลกที่ Facebook เป็นแพลตฟอร์มที่กระจายสื่อสินค้าของเราได้ทรงประสิทธิภาพที่สุด ในรูปแบบการสร้างเพจร้านค้าเพื่อขายสินค้า และสามารถสร้างได้ง่าย ๆ แค่ไม่กี่ขั้นตอน แถมไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ อีกด้วย 

ซึ่งการสร้างเพจหรือร้านค้าบนออนไลน์ เปรียบเสมือนการสร้างตัวตน สามารถสื่อสารเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้อย่างง่าย ทำให้กลุ่มเป้าหมายทราบถึงการมีตัวตนของร้านค้าจริง ด้วยการติดแฮชแท็กต่าง ๆ ซึ่งเป็นการโปรโมทและรีวิวสินค้าไปในตัว เป็นวิธีที่สามารถรู้ผลตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว

 ข้อดี สำหรับการเปิดเพจร้านค้าบน Facebook นอกจากฟรีแล้ว แน่นอนว่าเหมือนกับ marketplace คือ ตัดความยุ่งยากเรื่องทำระบบเว็บไซต์ออกไปได้เลย เพราะในปัจจุบัน Facebook มีระบบซัพพอร์ทพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ซึ่งมือใหม่สามารถเรียนรู้การใช้งานได้ง่าย ๆ 

 ข้อเสีย ที่เห็นได้ชัดสำหรับการเปิดร้านบนเพจเฟสบุค จะมีข้อกำหนดหรือกฎระเบียบของเฟสบุค ถ้าเพจที่สร้างลงเนื้อหาที่ขัดต่อนโยบายข้อห้ามเพจนั้นก็จะโดนปิดหรือลบหายไปทันที ซึ่งควรจะต้องศึกษารายละเอียดข้อห้ามให้ดีก่อน

อัพเดทความรู้การขายออนไลน์