การขายแบบจับเสือมือเปล่าด้วยหลักการขายแบบ Preorder
การขายออนไลน์ส่วนใหญ่ คือ การสต็อกสินค้าและพร้อมจัดส่งให้ลูกค้าเมื่อเกิดการสั่งซื้อทันที แต่มีอีกหนึ่งวิธีที่ไม่จำเป็นต้องสต็อกสินค้าเลย ก็สามารถเกิดการซื้อ-ขายได้ ตัดปัญหาเรื่องสินค้าค้างสต็อกเนื่องจากขายไม่ออก ไม่ต้องมีต้นทุนในการสต็อกของ แต่จะสั่งของเข้าและส่งให้เมื่อลูกค้ามีออเดอร์เข้ามาเท่านั้น
อธิบายง่าย ๆ ก็คือการนำเงินของลูกค้ามาสั่งซื้อสินค้าให้ โดยผู้ขายจะกินกำไรส่วนต่างของราคาขายกับราคาต้นทุนสินค้า ซึ่งจะเรียกระบบการขายนี้ว่า Pre-order เป็นลักษณะการขายแบบไม่ใช้เงินทุน จะทำได้อย่างไรไปดูกันค่ะ
พรีออเดอร์คืออะไร ?
พรีออเดอร์ คือ การซื้อขายแบบไม่มีสินค้าในสต็อก เมื่อลูกค้าทำการสั่งซื้อจะต้องใช้เวลารอสินค้าประมาณนึง ไม่มีการจัดส่งสินค้าเมื่อสั่งซื้อในทันที เนื่องจากสินค้านั้นอาจจะต้องสั่งทำ หรือนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งผู้ขายอาจให้ผู้ซื้อชำระเงินเต็มจำนวนหรือครึ่งนึงของราคาสินค้าไว้ก่อนเรียกว่าการมัดจำ หรือจะไม่ต้องชำระเงินก่อนเลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับผู้ขายจะกำหนดiรูปแบบอย่างไร แต่โดยทั่วไปผู้ขายจะให้ผู้ซื้อชำระเงินไว้ก่อนเท่านั้น เพื่อป้องกันลูกค้ายกเลิกสินค้าหรือเปลี่ยนใจในภายหลัง เพราะจะต้องใช้ระยะเวลาในการรอรับสินค้านานพอสมควร
ลูกค้าที่ต้องการเลือกซื้อสินค้าแบบ Pre-order แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
1. กลุ่มลูกค้าที่ต้องการสินค้าราคาถูกที่สุด รอนานหน่อยก็ไม่เป็นไร ยินดีที่จะรอ
2. กลุ่มลูกค้าที่ต้องการสินค้านั้นจริง ๆ รอนานได้และอาจจะมีความพร้อมที่จ่ายในราคาสูง เพราะไม่สามารถหาซื้อสินค้านั้นได้ทั่วไป
ดังนั้น ลูกค้าที่พ่อค้าแม่ค้าพรีออเดอร์ต้องการคือกลุ่มที่ 2 นั่นเองค่ะ เพราะลูกค้าจะไม่สนใจเรื่องราคาและเรื่องการรอส่งมอบสินค้า ซึ่งความยากอยู่ที่ว่าจะหากลุ่มลูกค้าได้จากที่ไหนเท่านั้นเองค่ะ
ข้อดีของการขายแบบ Pre-Order
1. ไม่ต้องสต็อกสินค้า ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงเรื่องสินค้าค้างสต็อก เนื่องจากลดความนิยมไม่เป็นที่ต้องการของลูกค้า
2. ไม่มีต้นทุนสินค้า เนื่องจากไม่ต้องสต็อกสินค้าเลยไม่มีค่าใช้จ่ายส่วนนี้
3. เป็นระบบการขายที่อิสระมาก ใครๆก็ทำได้ แทบไม่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายอะไรเลย ผู้ขายเปรียบเสมือนเป็นตัวกลาง มีหน้าที่ประสานความต้องการของลูกค้ากับสินค้าให้มาเจอกันนั่นเอง
ข้อเสียของการขายแบบ Pre-Order
1. อาจได้รับสินค้าที่ไม่ตรงตามที่ลูกค้าสั่งซื้อ เช่น ลูกค้าสั่งแจกันลายมังกร แต่สินค้าจริงที่ส่งมาให้ กลายเป็นแจกันลายปลาคราฟ อาจทำให้ลูกค้าเกิดความไม่พอใจ
2. ระยะเวลาในการระสินค้า อาจมีการเปลี่ยนแปลงล่าช้ากว่ากำหนดได้ เนื่องจากมีปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น โรงงานผลิตของได้ไม่ตรงตามที่ตกลงไว้ หรือเรื่องของการขนส่งที่ล่าช้า ซึ่งเกิดจากปัจจัยที่หลากหลายอย่าง เช่น ภัยธรรมชาติ สินค้าติดด่านตรวจเช็คสินค้า เป็นต้น
ขั้นตอนการขายสินค้าแบบ Pre-order ดังนี้
1. หาสินค้าที่จะนำมาขาย จากแหล่งสินค้าขายส่ง เช่น การนำเข้าสินค้าจากจีน
2. ทำรูปภาพและสร้างคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับสินค้าให้ดูน่าสนใจ เช่น การแต่งรูปภาพสินค้า การถ่ายวิดีโอสินค้า หรือรีวิว
3. นำข้อมูลสินค้าไปประชาสัมพันธ์ในช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เช่น โพสต์ตามโซเชียลมีเดียของร้าน หรือสร้างเพจเฟสบุคแล้วโพสต์โปรโมทสินค้า
4. รับออเดอร์จากลูกค้า จากนั้นค่อยทำการสั่งสินค้าจากต้นทาง แจ้งระยะเวลาการรอสินค้าให้กับลูกค้าทราบ
5. รอรับสินค้าจากต้นทาง เช็คและตรวจสอบสินค้าก่อนการจัดส่งให้ลูกค้า เพียงเท่านี้ก็ทำการขายแบบพรีออเดอร์ได้แล้วค่ะ
ซึ่งแนวทางการขายแบบ Pre-order ให้ประสบความสำเร็จมีวิธีการ ดังนี้
1. เลือกแนวทางกลุ่มเป้าหมายลูกค้า เพื่อตั้งราคาสินค้าที่จะขาย เช่น ตั้งราคาขายถูกกว่าท้องตลาด หรือตั้งราคาสินค้าตามความพึงพอใจ เพราะไม่มีสินค้านั้นขายทั่วไปตามท้องตลาด
2. ผู้ขายต้องมีความน่าเชื่อถือโดยการสร้าง Personal banding หรือการสร้างตัวตน เช่น YouTuber ที่มีความรู้ความน่าเชื่อถือเฉพาะด้าน สอนเรื่องการแต่งหน้า หรือที่เราเรียกว่า บิวตี้บล็อกเกอร์ ก็สามารถโน้มน้าว FC ให้สั่งซื้อสินค้าแบบ Pre-order ได้
3. ให้ย้ำและทำความเข้าใจกับลูกค้าเรื่องระยะเวลาการจัดส่ง ประเมินระยะเวลาจัดส่งให้ดี และแจ้งรายละเอียดการขนส่งให้ครบถ้วน เช่น ระยะเวลาการรอสินค้าอาจช้าหรือเร็วกว่ากำหนดทางร้านไม่สามารถควบคุมได้ เนื่องจากมีหลายปัจจัยรวมด้วย
4. ผู้ขายจะต้องมีความรู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับตัวสินค้าที่เปิดรับพรีออเดอร์ เคยเห็น เคยใช้สินค้าจริง เนื่องจากจะสามารถให้ข้อมูลของสินค้าที่ถูกต้องกับลูกค้า
อย่างไรก็ตาม การขายแบบจับเสือมือเปล่าด้วยหลักการขายแบบ Pre-order สามารถเริ่มทำได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนเลย แต่จะต้องศึกษาการขายและรู้จักกับแหล่งสินค้าเป็นอย่างได้ดี เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า Pre-order ได้และสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง