ประเภทสินค้าและประเภทการขาย
ปัจจุบันการขายออนไลน์เป็นที่นิยมอย่างมากและมีหลากหลายช่องทางให้พ่อค้าแม่ค้าได้เลือกใช้งาน แต่จะเริ่มขายสินค้าอะไรและใช้รูปแบบการขายประเภทไหน
วันนี้เรามาทำความรู้จักกับประเภทสินค้าและประเภทการขายกัน
ประเภทของสินค้าแบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. สินค้าที่เป็นวัตถุจับต้องได้ หมายความว่า เป็นสินค้าที่เราจับหรือสัมผัสได้ด้วยมือ เช่น สิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ เสื้อผ้า โต๊ะ เก้าอี้ ตู้ เตียง อาหาร หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยง ฯลฯ
ข้อดี คือ เกิดการเลียนแบบสินค้าได้ยาก ยิ่งสินค้านั้นเป็นสินค้าเฉพาะหรือสินค้า DIY
ข้อเสีย คือ สินค้าใช้ต้นทุนในการผลิตเยอะกว่าสินค้าข้อมูลดิจิตอล
2. สินค้าที่เป็นข้อมูลดิจิตอล หมายความว่า เป็นสินค้าที่อยู่บนสื่อออนไลน์ เช่น หนังสือออนไลน์ คอสเรียนออนไลน์ เพลง ภาพถ่าย เป็นต้น
ข้อดี คือ ต้นทุนสินค้าน้อย เนื่องจากสามารถเผยแพร่บนสื่อออนไลน์ได้ และไม่มีต้นทุนในการผลิต
ข้อเสีย คือ ถูกก็อปปี้ หรือลอกเลียนแบบสินค้าได้ง่าย
ดังนั้น การเลือกขายสินค้าประเภทไหนขึ้นอยู่กับตัวสินค้าของแบรนด์ว่าคืออะไร หากเราขายเสื้อผ้าหรืออาหาร แน่นอนว่าเราไม่สามารถจัดอยู่ในประเภทของสินค้าดิจิตอลได้
แต่ก็มีบางสินค้าที่สามารถจัดรวมได้ทั้ง 2 ประเภท เช่น คลิปวิดีโอการเรียนการสอน สามารถขายได้ทั้งในรูปแบบสินค้าจับต้องได้ คือ แผ่น CD, DVD หรือจะขายแบบคอสเรียนออนไลน์ก็ได้เช่นกัน
ประเภทของการขายแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ดังนี้
1. การขายแบบสต็อกสินค้า ซึ่งเป็นการขายที่สร้างยอดขายได้สูงมาก เนื่องจากมีสินค้าพร้อมส่งทันที สามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว ควบคุมสินค้าและระบบขนส่งได้ แต่ถ้าจัดการระบบสต็อกสินค้าได้ไม่ดีเท่าที่ควรก็อาจเกิดปัญหาตามมาได้ เช่น สินค้าค้างสต็อกเนื่องจากขายไม่ออกหรือสินค้านั้นไม่เป็นที่ต้องการของตลาด เป็นต้น
2. การขายแบบพ่อค้าคนกลางหรือนายหน้า เช่น นายหน้าขายบ้าน นายหน้าขายที่ดิน ตัวแทนขายสินค้า เป็นต้น ซึ่งการขายแบบนี้จะเรียกว่า ระบบ Affiliate อย่างเว็บ Amazon Affiliate, Lazada Affiliate โดยมีรายได้มาจากค่าคอมมิสชั่น แบบที่ไม่ต้องสต็อกสินค้า แต่จะไม่สามารถกำหนดราคาขายสินค้าได้ เนื่องจากจะถูกกำหนดจากเจ้าของสินค้าไว้แล้ว ฉะนั้นจะต้องสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าเพื่อให้ลูกค้าซื้อสินค้าจากเรา มากกว่าการซื้อสินค้าจากเจ้าของต้นทาง
3. การขายสินค้าแบบไม่สต็อกสินค้า เป็นการขายที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ การขายแบบ Pre-order และ Drop shipping
3.1) การขายแบบ Pre-order คือ การขายสินค้าโดยการนำเงินของลูกค้าไปสั่งซื้อสินค้า จากนั้นก็จัดส่งสินค้าให้ลูกค้า แต่จะต้องใช้ระยะเวลาในการรอสินค้าประมาณ 15-20 เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ เช่น เครื่องสำอางค์ สกินแคร์ กระเป๋า รองเท้า เป็นต้น
3.2) การขายแบบ Drop shipping คือ การนำสินค้าของคนอื่นมาขาย โดยสามารถบวกกำไรจากราคาสินค้านั้น ๆ ได้ และไม่จำเป็นต้องส่งสินค้าหรือประกันสินค้าใด ๆ เปรียบเสมือนตัวกลางนำสินค้าของเจ้าของโรงงานไปขาย
อย่างไรก็ตาม การเลือกสินค้าเพื่อนำมาขาย พ่อค้าแม่ค้าควรเลือกให้เหมาะกับประเภทของการขาย เพื่อให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคงในอนาคต และสร้างยอดขายได้เป็นกอบเป็นกำเลยทีเดียว